
การลงทุน
คือการนำเงินที่เราเก็บซื้อ ทรัพย์สิน(Asset) ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ (ประมาณ 2.24%)
สมัยก่อนเราอาจจะคิดว่าการฝากเงินเป็นทั้งวิธีการออมเงินและลงทุนที่ดีที่สุด
เพราะสมัยก่อนดอกเบี้ยเงินฝากนั้นค่อนข้างสูงและเอาชนะเงินเฟ้อได้
แต่ในสมัยนี้ดอกเบี้ยเงินฝากนั้นมีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1.92% ซึ่งพูดๆง่ายๆคือ ติดลบ ยิ่งฝากยิ่งจน หลายๆคน
อาจจะงงว่าทำไมถึงยิ่งฝากยิ่งจน... มาดูตัวอย่างกัน
ง่ายๆ สมมติเมื่อ 10ปีก่อน เรามีเงิน 10,000 บาท แน่นอนทำอะไรได้เยอะ
สมัยก่อนกินข้าวจานละ 20 บาท วันละ 3 มื้อ จะมีรายจ่ายต่อเดือนคือ 20x3x30 = 1,800 บาท
ถ้าเปรียบเทียบกับสมัยนี้ ข้าวจานละ 35 บาท 3 มื้อ จะมีรายจ่ายต่อเดือนคือ 35x3x30 = 3,150 บาท
ถ้าคิดเฉพาะค่าข้าว เราจะรู้ว่าข้าวแพงขึ้น 75% ของเมื่อ 10 ปีก่อน สาเหตุเกิดจาก ภาวะเงินเฟ้อที่มี
มากขึ้นทุกปี ให้ค่าเฉลี่ย 9 ปี ตามตารางเปรียบเทียบ คือ -2.24% ทุกปี นั่นเอง
หากดอกเบี้ยเงินฝากอยู่ที่ 1.92% ส่วนเงินเฟ้ออยู่ที่ -2.24%
จะพบว่ายิ่งเราฝากเงินกับธนาคาร พอผ่านไปแต่ละปี
เราจะได้ผลตอบแทนคือ -0.32% ยิ่งฝากยิ่งจนแน่นอน... จนในที่นี้ไม่ใช่ เงินเราหายไปนะ
แต่สิ่งที่หายคือมูลค่าของเงิน เช่นเราฝากเงิน 100,000 บาท
อาจจะได้เงิน 101,920 บาท (ได้ดอกเบี้ยมา 1,920 บาท) แต่อย่าลืมเงินเฟ้อที่ตามมา
มันลวงหลอกให้มูลค่าของมันเหลือ 99,680 ต่างหาก (โดนเงินเฟ้อ -2.24% เล่นงานไป)
เห็นไหมครับว่ายิ่งฝากยิ่งจน...
ที่เขียนมาทั้งหมดแปลว่า หากเรามีเงินเก็บ และเงินเก็บงั้นเป็นเงินที่เราตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะไม่เอามา
ใช้ในชีวิตประจำวัน ควรเอาเงินไปฝากในที่ที่ให้ผลตอบแทนที่เอาชนะเงินเฟ้อได้นั่นเอง
ลองดูตารางเปรียบเทียบผลตอบแทนของการออมเงินในที่ต่างๆกันดูครับ
ตารางเปรียบเทียบผลตอบแทน ระหว่างหุ้น พันธบัตร เงินฝาก และอัตราเงินเฟ้อ
เครดิต:
http://www.moneymartthai.com/special_feature/index.php?cat=dd5c07036f2975ff4bce568b6511d3bc&know_id=39
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น