ลงทุนในไหนดี ?
ขออ้างอิงรูปจากบทที่แล้วนะครับ
จากบทที่แล้วที่ผมบอกว่ายิ่งฝากเงินกับธนาคารยิ่งจน เพราะมันไม่ชนะเงินเฟ้อ ยิ่งกัดกร่อนไปทุกๆปี
เราอาจเห็นว่าเงินต้นยังอยู่ก็จริงแต่จริงๆแล้วมันเหมือนเราเก็บน้ำไว้ในโอ่งที่รั่ว ค่อยๆรั่วทีละน้อย
ทั้งนี้การลงทุนใน Asset อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น พันธบัตร กองทุนต่างๆ
Asset เหล่านี้ล้วนให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินต้นเรานั้นหายไป
หากเราจำกัดความเสี่ยงได้ มันก็จะไม่เสี่ยงครับ
ดังนั้นหากเรามีเงิน ควรนำไปลงทุนอย่างอื่นดีกว่า อันนี้ขอชี้นำให้เห็นชัดๆเลยครับ
แต่การที่จะลงทุนในอะไรนั้นมันมีกฎอยู่ครับ ซึ่งกฎที่ว่ามีอยู่ 2 ข้อ คือ
1.ต้องใช้เงินเย็นในการลงทุน เงินเย็นคือเงินที่เราคิดว่าไม่ว่ายังไงเราจะไม่ใช้เงินก้อนนี้
เพราะเราจะเอาเงินก้อนนี้ไปซื้อเงินยังไงล่ะ (passive income ให้เงินทำงานให้เรา ไว้อธิบายอีกทีครับ)
2.ต้องไม่ขาดทุน ข้อนี้ วอร์เรน บัฟเฟตต์ เป็นกฎการลงทุนที่สำคัญมากๆ เลยทีเดียว
และแน่นอนสิ่งที่สำคัญมากๆ ที่เขียนค้างไว้อีกเรื่องนึงก็คือความเสี่ยง
การที่เราจะได้ผลตอบแทนมากๆนั้นต้องมีความเสี่ยง หลายคนกลัวความเสี่ยง...ผมก็กลัว
ซึ่งถ้าหากเรารู้ว่าเราเสี่ยงกับอะไร เสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน นั่นก็คือการจำกัดความเสี่ยง
หลายคนอาจจะบอกว่า เฮ้ย ฉันไม่อยากเสี่่ยง ฉันอยากมั่นคง ไม่ชอบอะไรเสี่ยงๆ
รู้ไหมครับว่าการที่เราไม่ทำอะไรเลยนั้นเสี่ยงกว่า
เพราะเห็นกันอยู่ชัดๆว่าเงินมันหายไปทุกวันจากเงินเฟ้อ ไม่ใช่แค่เรื่องเงิน...
แม้กระทั่งใช้ชีวิตประจำวันเราอาจจะเกิดอุบัติเหตุ หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเข้ามาในชีวิต
ดังนั้นอย่าไปกลัวความเสี่ยงครับ หาวิธีรับเตรียมรับมือกับมันไว้จะดีกว่า
ก่อนจะจบหัวข้อนี้ผมขอสรุป Asset แต่ละอย่างว่าให้ผลตอบแทนอย่างไร สำหรับการตัดสินใจลงทุน
เงินเฟ้อ = -2.24% (เฟ้อทุกปี ไม่มีปีไหนไม่เฟ้อ)
ดอกเบี้ยเงินฝาก = 1.92% (เหมือนไม่เสี่ยง แต่โอ่งรั่ว)
พันธบัตร = 5.97% (เสี่ยงน้อย ชนะเงินเฟ้อได้นิดหน่อย)
หุ้น = 17.59% (เสี่ยงมาก ชนะเงินเฟ้อได้เยอะ)
ไม่มีความคิดเห็น :
แสดงความคิดเห็น